Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เทคนิคการเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างชาญฉลาด ทั้งความคิด ความดี และสติปัญญา

Posted By Plook TCAS | 15 พ.ย. 66
746 Views

  Favorite

          ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ยังเป็นสำนวนที่ยังคงความหมายและความจริงอยู่จนถึงปัจจุบัน การประสบความสำเร็จของคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยความบังเอิญ แต่ล้วนเกิดจากการออกแบบ ปลูกฝัง อบรม ฝึกฝนจากคนหลายคนที่อยู่ล้อบรอบตัวเขา โดยเฉพาะครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง ดังนั้นถ้าอยากจะให้เด็กน้อยคนหนึ่งเติบโตขึ้นอย่างชาญฉลาด ทั้งในด้านความคิด ความดี และสติปัญญา จึงไม่ใช่สิ่งที่ผลักภาระนี้ไปให้เด็กดิ้นรนสร้างขึ้นเอง ในวันที่เขาเติบโตแล้ว แต่ควรเป็นสิ่งที่ครอบครัว ควรช่วยกันสร้างให้เขาตั้งแต่ในวัยเด็ก วัยที่เขากำลังพร้อมเรียนรู้และรับฟังคำสอน คำชี้แนะที่ถูกต้อง และสามารถนำสิ่งที่ได้รับการสอนเหล่านี้ไปใช้ได้ในวันข้างหน้า และเรื่องอะไรบ้างที่เด็กเล็กควรได้รับการปลูกฝังฝึกฝน ตามไปดูกันค่ะ  

 

ฝึกการสื่อสาร เพื่อเป็นประตูสู่ความฉลาด

การฝึกให้ลูกพูดคุยและสื่อสารความต้องการของตัวเองออกมา จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้กล้ามเนื้อในการออกเสียงมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ และความกล้าแสดงออก นอกจากนี้ เด็กที่ช่างพูดคุยมักเป็นเด็กที่ฉลาด แถมยังรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เด็กขี้สงสัยและถามพ่อแม่บ่อย ๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดี  เพราะแสดงว่าลูกเป็นคนช่างสังเกตและใฝ่รู้ แต่สิ่งสำคัญคือ หากลูกถามคำถามบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่อย่าเบื่อหรือรำคาญ เพราะการถามตอบของเด็กจะช่วยให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ที่สำคัญอย่าลืมถามลูกกลับ เพื่อกระตุ้นให้ลูกได้คิดเพิ่มเติมค่ะ

 

ใช้นิทานคุณธรรม นำความดีมาสู่ตัวลูก

          การอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ไม่เพียงแค่จะช่วยให้ลูกคุ้นชินกับการใช้ภาษาและคำศัพท์ แต่คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอดแทรกคติสอนใจ หรือแง่คิดผ่านการกระทำของตัวละคร เพื่อให้เด็ก ๆ เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันของคนในครอบครัว ช่วงเวลาทองแห่งความอบอุ่นที่หากปล่อยช่วงเวลานี้ให้ผ่านเลยไป คุณจะไม่สามารถร้องขอหรือเรียกหาช่วงเวลานี้กลับมาอีกได้เลย ในวันที่ลูกน้อยของคุณเติบโตขึ้นแล้ว เป็นโอกาสพิเศษเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกยังเป็นเด็กน้อยอยู่นั่นเอง

 

ฟังเพลง เพื่อให้ลูกบรรเลงจิตนาการ

          แม้ลูกน้อยในวัยอนุบาลอาจจะยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง อ่านหนังสือไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเรียนรู้ภาษาและความคิดผ่านบทเพลงไม่ได้ การให้ลูกฝึกฟังดนตรีตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ และการผ่อนคลายทางอารมณ์ นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถนำดนตรีมาดัดแปลงเป็นสื่อการสอน ไม่ว่าจะเป็นการจดจำคำศัพท์ ในเนื้อเพลงหรือการขยับร่างกายตามจังหวะที่จะช่วยเพิ่มสมาธิให้กับพวกเขาได้

 

ฝึกความมีน้ำใจ ส่งพลังแห่งความใจดี

          เด็กเล็กอาจมีความรู้สึกหวงของเล่น ของกินบ้าง แต่การฝึกให้ลูกรู้จักการแบ่งปันและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ทำให้ลูกเข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้น คุณแม่อาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น ให้เขานำของขวัญไปมอบให้กับผู้อื่นด้วยตัวเอง หรือฝึกให้ลูก ๆ พูดคำว่า “ขอบคุณ” ทุกครั้งที่ได้รับความช่วยเหลือจนติดเป็นนิสัย ถือเป็นการฝึกการสร้างความรู้สึกสำนึกขอบคุณ (Gratitude) หมายถึง ความรู้สึกขอบคุณและสุขใจเมื่อได้รับสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ หรือสิ่งใหญ่ ๆ งานวิจัยพบว่า การหมั่นให้ลูกรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอสามารถช่วยให้ลูกมองโลกในแง่บวกมากขึ้น มีความกระตือรือร้น และรู้สึกมีความสุข  และเมื่อลูกรู้จักความสุขแล้ว เขาจะรู้สึกอยากส่งพลังแห่งความสุข หรือพลังแห่งความใจดี ต่อไปยังคนอื่นได้ง่ายกว่าเด็กที่ไม่เคยรู้สึกขอบคุณใครเลย

 

เหนื่อยมาจากไหน ไม่พกความเครียดเข้าบ้าน

          ความเครียดเป็นเรื่องปกติของทุกชีวิต และแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นคนธรรมดาที่สามารถเครียดได้ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเรื่องงาน เรื่องเงิน หรือเรื่องครอบครัว แต่เด็กตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 11 ขวบ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในการกำหนดอนาคตของเด็ก หากพ่อแม่มีความเครียด ก็จะส่งผลต่อไปยังลูก บางครอบครัวอาจจะมีการลงไม้ลงมือ ดุด่า ว่ากล่าวอย่างรุนแรงกับลูกเพราะความเครียด ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียกับเด็กอย่างร้ายแรง และจากการสำรวจก็พบว่า ครอบครัวที่มีลูกฉลาด พ่อแม่มักจะอารมณ์ดี ไม่แสดงความเครียดจนไปลงที่ลูก

 

สอนความพยายาม โดยไม่คาดหวังความสมบูรณ์แบบ

          งานวิจัยพบว่า พ่อแม่ที่มักคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากลูก มักทำให้ลูกเสี่ยงมีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลในตอนโตโดยมิรู้ตัว การเลี้ยงลูกอยู่บนฐานของความพยายาม จึงช่วยให้ลูกเห็นถึงคุณค่าในตัวเอง และสิ่งเขาทำได้อย่างเป็นเหตุผลเป็นผล และมีความสุขมากกว่า โดยสามารถฝึกความพยายามให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก เช่น หากลูกต้องทำอะไรสักอย่าง พ่อแม่ควรปล่อยให้เขาลองทำไป ไม่ควรเข้าไปทำให้ตลอดเวลา แม้ว่าลูกจะทำไม่ได้ในครั้งแรก และร้องไห้ขอความช่วยเหลือก็ตาม พ่อแม่ที่มีลูกเก่งมักจะค่อย ๆ อธิบายให้ลูกได้รู้ถึงวิธีการต่าง ๆ และอธิบายสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ อย่างใจเย็น และไม่ใจอ่อนช่วยทำให้ลูกทุกครั้งที่เขาร้องไห้ และถ้าฝึกแบบนี้ให้เด็กตั้งแต่เล็ก ๆ รับรองเลยว่า เขาจะเติบโตขึ้นมาอย่างรู้ค่าของความพยายาม

 

การเป็นตัวอย่างล้ำค่ากว่าการสั่งสอน

          การแนะนำที่ดีที่สุดคือการเป็นต้นแบบ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สอนลูกได้ง่าย ๆ ที่สุด และประสบผลสำเร็จมากที่สุด เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องสอนเลย ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใด ๆ ถ้าแม่ชอบอ่านหนังสือ ให้ลูกบ่อย ๆ ลูกก็จะซึมซับนิสัยรักการอ่านไปโดยปริยาย

 

          เชื่อมั่นว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกของตนเป็นคนเก่ง คนดี และคนที่ประสบความสำเร็จ แต่หลายคนมักลืมไปว่า ท่านสามารถช่วยลูกได้มากกว่าแค่การใส่ความคาดหวัง หรือฝังความฝันของตนลงไปในตัวลูก แต่จำเป็นต้องร่วมกันสร้าง ออกแบบ และวางรากฐานที่ดี ที่ช่วยให้ลูกเติบโตได้อย่างชาญฉลาด และเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำ คือช่วงที่ลูกยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังรอคอยคำสอนที่ถูกต้องของพ่อแม่

 

Auntie

 

บทความประกอบ

10 วิธีสอนลูกให้เป็นคนดี เก่ง และเติบโตอย่างชาญฉลาด https://www.milo.co.th/all-blog/วิธีสอนลูกให้เป็นคนดี-ฉลาด

เลี้ยงลูกอย่างไร ให้เป็นอัจฉริยะ เก่ง ฉลาด นิสัยดี https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/momandkid/1515176

15 เคล็ดลับง่าย ๆ เลี้ยงลูกให้ฉลาดทั้งด้าน IQ และ EQ https://www.starfishlabz.com/blog/77-15-เคล็ดลับง่าย-ๆ-เลี้ยงลูกให้ฉลาดทั้งด้าน-iq-และ-eq

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow